ทำอย่างไรจะช่วย ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ไทย
สวัสดี ท่านผู้อ่านที่เคารพ
บังเอิญผมได้นั่งฟังเพลงกับลูก ได้ยินเพลง เพลงนู๋…อยากได้ (หนูอยากได้) ของวง Three Kings and The Babe
ก็ถูกใจ ขออนุญาตเอาเนื้อหาในเพลงบางตอนมาให้อ่าน ทีตลกดี และเสียดสีสังคม ดังนี้
อุ้ย อันนั้นก็ดูดี อันนี้ก็อยากได้
กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า มือถือ อือ นู๋ อยากได้
อุ้ย อันนั้นก็โอเค วอซาเช่ ก็อยากได้
ก็ขอได้ไหม แค่เนี้ย แค่เนื้ย นู๋ อยากได้
นู๋ อยากได้ นู๋ อยากได้ นู๋ อยากได้ คะ นู๋ อยากได้
ถ้านู๋…อยากได้ เดี๋ยวพี่จัดให้
เรื่องตังค์เรื่องเล็ก เรื่องเก๊กเรื่องใหญ่
แต่ขออย่างเดียว น้องต้องไม่กิ๊กใคร
มีพี่คนเดียว ห้ามคิดเปลี่ยนใจ
ชีวิตของน้องนั้นจะสุขสบาย
อยากได้อะไรก็ได้ whatever u like !
นู๋ อยากได้ นู๋ อยากได้ นู๋ อยากได้ คะ นู๋ อยากได้
แต่ก่อนนั้นพี่นั้นเคย รวย แต่ตอนนี้พี่เหลือแต่ กล้วย
กินทุกวัน กับ น้ำเก๊กฮวย คนเคยรวย ครับ คนเคยรวย
อำนาจ บารมี เดี่ยวนี้ไม่ค่อยมี
การจะซื้ออะไรซัก อย่าง ก็ต้องคิดดีๆ
แต่ถ้าน้องอยากได้ พี่ ก็ยินดี เดี๋ยวพี่ ผ่อนให้ ดอกฟรี 4 ปี
รู้ว่าหนู นะอยากได้ พี่ก็อยากให้
แต่ทุนไม่มี สถานการณ์ มันเปลี่ยนไป
เศรฐกิจไม่ดี มีพอกินพอใช้
กินข้าว เลี้ยงหนัง อ๊ะ อย่างนั้น พี่พอไหว
เก๋าเฉพาะ ต้นเดือนนะคะ จำไว้
ป๋าได้ 2 วัน จากนั้นก็ อดไป พี่นั้นรัก จริง พี่ ยอมอดตาย
กู้นี้ยืมสิน พี่ก็ทำให้ได้ คอนเฟริมมม
พี่ จะ พาน้องไป ต ป ท
ญ. ตปท คืออะไรหรอค้า
ช. ก็ต่างประเทศงาย
จะพาไปเที่ยว ต่างแดน (ญ.หูย)
พี่จะพาไป สวิส สะ-แลน (ญ.ว้าว)
แต่ ตอน นี้ พี่ยังขาด แคลน (ญ.เอ้า)
งบยังไม่มี ไปได้ แค่ชายแดน (ญ.ปะ)
รถยน ก็ไม่มี มีแต่ มอไซ แว้น
พี่ก็อยากได้.. น้อง พี่ก็อยากได้.. พี่ก็อยากได้.. น้อง
ลูกสาวตัวน้อยบอกว่า แม่ต้องชอบเพลงนี้ เพราะมันสนุกดี ด้วยความใสซื่อ แต่ผมคิดในใจว่ามันซะใจดี มีโอกาสได้ว่า แฟนที่ชอบ ชอปปิ้ง ละลายทรัพย์ เป็นอาจิณ
พอได้โอกาสตอนขับรถกับแฟน ผมก็เปิดเพลงนี้ให้แฟนฟัง แฟนฟังไปยิ้มไป หันศีรษะเอียง30 องศาไปทางขวา แล้วทำตาโต กระพริบตา 2 ที เหมือนสาวใสวัยรุ่น พอเพลงยังไม่ทันจบ แฟนกลับบอกว่า ก็เค้าอยากได้ จริง ๆ พูดอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย พร้อมทำปากจู๋ๆ แล้วย้อนผมว่า อีตาเสียงร้องผู้ชายเหมือนเธอเลย สักพัก ก็ออกเสียงว่า ... งก! กลับกลาโอละพ่อ ผมโดนแฟน สวนกลับอย่างตั้งตัวไม่ทัน ระหว่างทาง แฟนบอกว่าวันนี้ ปวดหลัง สงสัยนั่งพิมพ์ คอมพิวเตอร์มากไป ต้องไปหาหมอ ผมก็แกล้งหลอกเธอว่า วันนี้ ห้างเซ็นทรัล มี mid night sale เธอบอก ว่า จริงๆ หรือ? ทำตาโต แล้ว รุกขึ้นขยับ ที่นั่งอย่าง กระชุ่มกระชวย เหมือน คนที่อยู่กลางทะเลทรายแล้ว เจอโอเอซิส.....ผมก็เลยแซ่ว . ไหนบอกว่า ปวดหลังจะไปหาหมอ มันแปลกดีนะ โรคนู๋อยากได้ นี้ แก้ได้ทุกโรค......
หันมาดู ผู้นำเข้า และส่งออกก็อยากได้ ระบบโลจิสติกส์ที่ถูกดี และประหยัด ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือ ต่างชาติ ทั้งยิ่งแข่งขัน ผู้นำเข้า และ ผู้ส่งออกก็ยิ่งชอบ แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทย ยังไม่สามารถสู้บริษัทต่างชาติ ได้ นับวัน ก็จะค่อยๆ ลดลง หรือ ถูกกลืน ถ้ามาดูความนิยมในสินค้า ยี่ห้อต่างชาติ ของคนไทยก็ยังคงมีอยู่ เพราะการไม่มีการสร้างยี่ห้อ หรือ มาตรฐานของไทยยังสู้ไม่ได้ หากหันมาดูเนื้อเพลงที่ หญิงสาววัยรุ่น ในปัจจุบันยังนิยมชมชอบใช้สินค้าต่างชาติยี่ห้อแพง ๆ
และแล้ว..... ความอยากได้ ก็เกิดขึ้นในวงการโลจิสติกส์ไทย...... เช่นกัน
ผมและเพื่อนๆที่อยู่ในสมาคมที่เกี่ยวกับวงการโลจิสติกส์ได้เข้าประชุมกับทางหน่วยราชการ และ สภาหอการค้าไทยหลายเวที ผมพยายามบอกกล่าว และ แสดงจุดยืนหลายต่อหลายครั้งว่า ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยที่เป็นขนาด SME ไม่เห็นด้วยที่เปิดเสรี แต่ที่ต้องยอมรับว่าการเปิดเสรีในกลุ่มอาเซียนที่ผ่านมาหลายปีนั้น ประเทศได้รับผลประโยชน์อย่างมาก จากเดิมที่เราส่งออกสินค้าของเราไปแต่ตลาดยุโรป และ สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก แต่หลังจากการเปิดเสรีในกลุ่มอาเซียน ปรากฏว่า การค้าของเราส่วนใหญ่ของเรากลายเป็นอยู่ในกลุ่มอาเซียนมากกว่า นอกกลุ่ม หรือตลาดยุโรป และ สหรัฐอเมริกาอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต ต้องยอมรับว่า เราปรับตัวได้ทันในอดีต มิฉะนั้นเราอาจเจอปัญหากับ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ และ วิกฤติเงินยูโร ที่กำลังแผ่และรุกรามมาอย่างที่เป็นในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ไม่มีทางเลือก ที่เราต้องเสี่ยงในการเปิดเสรีในสาขาโลจิกติคส์ ทางออกที่ทางราชการต้องลดแรงต่อต้านจากธุรกิจขนาดเล็กและกลางในกลุ่มสาขาโลจิกติกส์ก็ขอให้ทางราชการต้องหามาตรการมาช่วยเหลือ หรือ ให้เงินช่วยเหลือ ผมก็ดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยคนไทยด้วยกัน ผมและเพื่อนในสมาคมต่างๆ เช่น TIFFA , TAFA, สตท , สมาคมชีปปิ้ง และ สมาคมขนส่งต่างๆหรือ รวมตัวกัน เรียกว่า สมาพันธ์ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ไทย. ได้เสียเวลาเป็น หลายปี เข้าประชุมนับไม่ถ้วนก็ปรากฏว่า ทางภาคราชการได้ใจกว้างรับความคิดเห็นจากเรา และได้ร่วมมือกับภาคเอกชน ช่วยกันหาทางออก หนึ่งในทางออกคือ การออก กฎหมายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจต่างๆ
ผมก็ขอฝากเรื่องการเปิดเสรีว่า ทางราชการควรจะนำข้อบังคับเรื่องกฎระเบียนเรื่องการจารจร การขนส่ง ตลอดจนกฎหมายเรื่องศุลกากรของแต่ประเทศที่ได้เปิดเสรีกับประเทศไทย ทั้งใบอนุญาตให้ แปลกเป็น ภาษาไทย เพื่อ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไทยจะได้ ศึกษา เพื่อจะได้ เข้าตลาดเข้าได้บ้าง
อย่าให้เหมือนตอนแรกที่เราเคยเปิดเสรีเรื่องผักผลไม้กับประเทศจีน เรานำเข้ามาเพียบ แต่เราส่งออกเข้าประเทศจีนไม่ได้ เพราะ ติดเรื่องกฎระเบียบการนำเข้า และ เรื่อง กฎหมาย ของแต่ละมณฑลที่พิสดาร ทำให้ ขาดดุลอย่างมหาศาล เรียกว่า เสียค่า โง่อย่างร้ายแรง ทั้งชาวสวนชาวไร่ภาคเหนือต้องเป็นเสียหาย และเจ้งไปหลายคน เพราะการทะลักของผัดผลไม้จากจีนเข้ามาอย่างมาก มาย ทางภาครัฐบาลต้องศึกษาอย่างละเอียด และต้องสร้างความเสมอภาคในการแข่งขันหรือ ติดอาวุธที่สู้ทางด้านการค้าอย่างยุติธรรม เพราะ ระบบการขนส่งของเราดี แต่ข้างบ้านไม่ดีสร้างปัญหา ไม่มีความปลอดภัยกับรถบรรทุกและ คนขับรถของเรา มันก็ไม่เป็นการดี เราจะเสียเปรียบเขาตลอด ยกตัวอย่างประกันการขนส่งข้างบ้าน เราอย่างลาว และ เวียดนามราคาสูงกว่า เรา การที่ขับรถเราไปขับรถชน รถจักรยานยนต์ แค่บาดเจ็บ แล้วต้อง ติดคุก ก็ขอให้ปรุงแต่งกฎระเบียบให้ดีก่อนเปิด เสรี
จึงเป็นที่มาที่ ผมได้ไปเข้าร่วมสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็น ร่าง พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ พ.ศ…..เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2553 ซึ่งจัดโดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิด และปาฐกถาพิเศษ ซึ่งเป็นขั้นตอน public hearing หรือ ฟังเสียงประชาชนก่อนออกกฎหมาย หรือ ทำประชาวิจารณ์ และได้ข่าวจะไปฟังจากผู้ประกอบการ ภาคใต้ ภาคเหนือ และ ภาคอีสานด้วย ตามลำดับ
งานนี้ต้องให้เครคิต คณะทำงานยกร่างกฎหมายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ โดยประกอบด้วย ดร, พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล ศ,ดร, ไผทชิต เอกจริยกร และ ผอ, มงคล ทวีวิทย์ และคนอื่นๆ ที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างหนัก เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของตั้งแต่ 70% ได้สามารถตั้งหลักก่อนที่ประเทศไทยจะเปิดการค้าเสรีในกอาเซียน ในปี 2013 โดยอ้างอิงจาก พรบ ส่งเสริมพาณิชย์นาวี พ,ศ, 2521 ผมก็อยากให้ผู้ส่งออกสินค้าอื่นๆ หรือ บริการอื่นๆ ได้ เห็นเป็นตัวอย่าง เพื่อความอยู่รอดก่อนที่จะมีการเปิดการค้าเสรี แล้วมาร้องโวยวาย นู๋อยาก ได้ หรือ ออกมาประท้วงอย่างกรณีปัญหาร้านค้าขายปลีกที่เคยเกิดขึ้น ที่ฝ่านแต่ท่านจะต้องอาศัยสมาคมๆ ในธุรกิจของท่านร่วมแรง ร่วมใจ กับนักกฎหมายที่มีความชำนาญ และอาจารย์มหาวิทยาลัย ช่วย
อย่างรายชื่อบุคคลข้างต้น ต้องขอบอกว่างานนี้สำเร็จได้ ต้องขอตบมือ และให้กำลังใจอย่างมาก เพราะ ท่านทั้งหลายได้เสียสละอย่างมากทั้งเวลา และรายได้ของท่านที่ต้องมาร่วมระดมให้ความคิดเห็น ต้องถือว่า ในวงการโลจิสติกส์เรานี้โชคดีที่ได้ท่านเหล่านี้มาเป็นหัวหอก และ เราขาวโลจิสติกส์ เป็นหนี้บุญคุณท่านเหล่านี้มาก ท่านทราบหรือเปล่า ว่า ท่านเหล่านี้ ถูกคนที่เสนอความคิดเห็นด่า และพูดจาไม่ดี จาก คนที่เข้าร่วม สัมมนา ผมได้บอกท่านให้อดทน อย่าท้อถอย
ผมขอสรุปเนื้อหาของ พรบ, นี้ ในส่วนที่สำคัญคือ ได้มีการนิยามคำอย่างเป็นทางการที่เป็นประโยชน์ในวงการนี้อย่างมาก คือ
“โลจิสติกส์” หมายความว่า กระบวนการดำเนินการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการจัดการคลังสินค้า การขนส่ง การเคลื่อนย้าย การจัดเก็บ การรวบรวม หรือการกระจายสินค้า หรือบริการ รวมทั้งกิจการที่เกี่ยวเนื่องตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ทั้งนี้ไม่รวมถึงบริการขนส่งผู้โดยสาร
“ผู้ประกอบการโลจิสติกส์” หมายความว่า ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แก่บุคคลอื่นเป็นการทั่วไปเป็นทางค้าปกติ โดยเรียนค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อื่น
“ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์” หมายความว่า กิจการให้บริการโลจิสติกส์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนดเพื่อให้การส่งเสริม
องค์กรในการบังคับใช้กฎหมาย จะเป็นคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ตัวแทนจากฝ่ายเอกชน ผู้ใช้บริการ ตัวแทนจากผู้มีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมาตรฐานการให้บริการในสาขาการให้บริการโลจิสติกส์ และ ส่วนราชการอื่น ๆ
สำนักงานทำงานก็เลือกใช้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเลขาธิการ คุมสำนักงาน ว่าแล้วคือ บริษัทโลจิสติกส์ที่ต้องการได้สิทธิประโยชน์ตาม พรบ,นี้ก็มายื่นแบบ หรือ คำร้อง ณ สถานที่ดังกล่าว
สิทธิประโยชน์และมาตราส่งเสริมที่จะได้รับจาก พรบ นี้ มีดังนี้
1, กำหนดให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
2, ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ ข้อนี้เอาจาก พรบ ส่งเสริมการลงทุนมาประยุกต์
3, เงินปันผลจากบริษัทได้รับ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
4.ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่นจากผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้นภาษีเงินมีระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี
5, ได้รับการช่วยเหลือเรื่องสินเชื่อ
6, ได้รับเงินช่วยเหลือมาใช้ ฟรี
7, กับ 8 ส่งเสรมการร่วมกลุ่มของผุ้ประกบอการโลจิสติกส์ และ ผู้ใช้บริการ
มีสิทธิได้รับอีกต่อ ถ้าอยู่ในนิคม หรือเขตส่งเสริมการลงทุน เรื่อง การหักค่าเชื้อเพลิง ค่าขนส่ง ค่า ไฟฟ้า และค่า ประปาสองเท่าของเงินที่เสียไปเป็นค่าใช้จ่าย เวลาคำนวณภาษี
9 . สุดท้ายมี่บทลงโทษ กับ คนโกหกราฃการ หรือ ถึงโทษอาญา ทั้งปัญหา nominee และ ให้ข้อมูลผิด ๆ กันทางราชการ
มาฟังคนที่เข้าร่วมให้ข้อคิดบ้าง
มีนักภาษาศาสตร์บอก ว่าน่าจะระบุให้ชัดเจนว่า เป็นหัวลากรถบรรทุก รถยก มากกว่าคำว่า เครื่องจักร เพราะในธุรกิจโลจิสติกส์ ไม่คอยได้ใช้เครื่องจักร เพราะจะได้ไม่มีปัญหาเวลานำเข้ามา ท่านทราบเปล่า ว่า เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจำแนกพิกัดรถหัวลาก คอนเทนเนอร์ ว่า อยู่ในหมวดสินค้า รถแทรกเตอร์ มันแปลกดีนะ!!!
มีชายเตี้ยใส่แว่น หน้าออกนักวิชาการ บอกว่าน่าจะส่งเสริมให้ ในกรณีปรับตัว เป็น Green logistic
มีคนที่เคยชินกับการรับสิทธิประโยชน์ BOI บอกว่า น่าจะครอบคลุมในกรณีเรานำเข้า เครื่องมือ หรือรถเก่าเข้ามาได้
คนในสมาคมบางแห่งบอกว่า น่าจะให้เงินช่วยเหลือในกรณีที่ผู้บริหารเดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน เหมือนอย่างประเทศมาเลเซีย เขาให้เงิน แสนสำหรับค่าเดินทางไปเปิด สำนักงานในต่างแดน
และควรจะให้ คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็น ศูนย์
เราก็ควรจะเตรียมความพร้อมเรื่องพนักงาน ให้หักค่าใช้จ่ายในการฝีกพนักงาน ได้ สี่เท่า ของค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษี
ถ้าบริษัที่ได้รับการส่งเสริมน่าจะลดต้นทุนได้ และ เสนอราคาต่ำให้ผู้ส่งออกได้ เช่นกัน ทำให้ผู้ส่งออกไทย ได้ของถูกใช้ และใช้บริการคนไทยด้วยกัน
เอกชนอยากได้ความจริงจังจากราชการ และอยากให้ความสำคัญ เรื่องงบประมาณ ถ้าไม่มีงบ ก็ไม่มีประโยชน์ เอกชนอาจมองว่า เป็นการสร้างภาพของรัฐบาล
ผู้ประกอบการตัวแทนออก บอกว่า น่าจะให้การสนับสนุนเรื่องโปรแกรม คอมพิวเตอร์ แก่ผู้ประกอบการ SME
เสียงผู้ส่งออก ก็อยากให้เพิ่มมาตรฐานกับคนที่ได้รับการส่งเสริม อย่างน้อยให้ ผ่าน Q-mark หรือ ระบบ น้องๆ iso โดย สภาอุตสาหกรรม หรือ สภาหอการค้า
มีบางคนทักว่า พ.ร.บ. นี้เกิดขึ้นแล้ว จะ ขัดกับข้อตก AEC ในการค้าเสรีอาเซียนหรือ เปล่า แต่ก็มีคำตอบจากอาจารย์ ว่า จีน กับ มาเลเซียเริ่มทำไปแล้ว
บางคนก็เป็นห่วงเรื่องเวลายื่นคำขอ จะได้รับการตอบกลับที่ไม่ทันการ เพราะมีประสบการณ์หลายอย่างที่เวลายืนคำขอกับหน่วยราชการ และ ไม่ค่อยมีเวลา และ จะตอบกลับล่าช้า จึงเสนอขอให้ระบุเวลาและเกณฑ์ในการรับตอบคำขอ และให้มีความโปร่งใส ในการดำเนินการ
บางสมาคมเสนอให้ยึดเวลายกเว้นภาษี จาก 5 ปี เป็น 8 ปี
มีคนห่วงว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก่อน แล้ว พ.ร.บ. นี้อาจจะไม่ผ่าน ก็เสนอให้ขอความอนุเคราะห์จากศาลทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อ ขอความคิดเห็น และอาจจะนำมาใช้ก่อนได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านมติสภาได้
สมาคมหนึ่งได้เสนอว่า น่าจะออกกฎหมายว่า ถ้าผู้ส่งออกไทยใช้ที่บริการกับบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมสามารถรับงานราชการได้ และ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ สอง เท่า ของการคำนวณภาษี
คณะกรรมการใน พ.ร.บ.ฯ นี้ ควรจะต้องถูกกำหนดให้ประชุมอย่างน้อย กี่ครั้งต่อปี เพื่อความต่อเนื่อง
บางสมาคมซึ่งมี SME เป็นจำนวนมากที่เป็นคนไทย มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับมาตรฐานมาก ซึ่งอาจจะได้รับประโยชน์ ถ้า พรบ นี้ กำหนดมาตรฐานสูงเกินไป และควรจะระบุความเหมายของโลจิสติกส์ ตาม มาตรา 3 เพิ่มเติมคำว่า รวม ถึง การบริการจัดการสินค้า คงคลัง การบริการคลังสินค้า การบริการบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ การบริการระบบสารสนเทศสำหรับโลจิสติกส์
บางคนหว่งว่า คณะกรรมการใน พรบ นี้ เป็นข้าราชการมาก จะเป็นอุปสรรคในการดำเนินงาน เพราะ จะไม่คล่องตัว ยึดติดกับกรอบของราชการมากไป
ทันใดนั้นก็มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งก็บอกว่า บทลงโทษคดีอาญา สำหรั บ โนมินี นั้นไม่เหมาะสม เพราะ แนวโน้มกฎหมายใหม่ จะไม่มีบทลงโทษอาญา อันว่า Nomine หรือเป็นหุ้นส่วนแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ขอรับการส่งเสริมจะต้องรับโทษทางอาญา และ เสียค่า ปรับ ไม่เป็นการเหมาะสม เพราะกฎหมายนี้ เป็นคุณ และไม่ได้ เสื่อมต่อประชาขนทั่วไป
ส่วนอาจารย์ อีกท่านก็บอกว่า ลูกศิษย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยของอาจารย์ ได้ งานทำและได้รับความร่วมมือจากบริษัทโลจิสติกส์ต่างขาติมากกว่า บริษัท คนไทย จะเห็นว่า บริษัทต่างชาติ ได้พัฒนา และเอา นักศึกษาที่จบใหม่ มาฝึก และพัฒนา แต่ บริษัทไทยส่วนใหญ่ ไม่เคยคิดจะสร้างคน ทั้งมีการจ่ายเงินเดือนที่ต่ำกว่า เพราะ เจ้าของบริษัทไทย คิดว่ากำไรเข้าตัวเองมาก ไม่คิดจะสร้างคนรุ่นใหม่ เพื่อรองรับการเจริญ เติบโตของธุรกิจ และ การเปิดเสรี ที่จะเกิดขึ้น
ถ้ามาดูกันให้ลึกแล้ว ระบบโลจิสติกส์ นั้นพัฒนาจากต่างประเทศ และเจ้าของ ผู้ประกอบการที่เป็นคนไทยหลายคนที่เป็นบริษัทใหญ่ ก็ เป็น คนที่ได้รับการฝึกฝนจาก บริษัทต่างชาติ ถึงได้ เจริญมาถึงทุกวันนี้ ส่วนผู้ประกอบการเล็กๆ ที่เรียนรู้จากรุ่นพ่อ ก็ ไม่คอยจะเติบโตมากนัก เพราะ ไม่ได้เวลาจะไปเข้าคอร์ด เรียน พัฒนา บางคนก็มองว่าการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ว่า แพงเกินไป หารู้ไม่ว่า ถ้าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ดี จะช่วยลดแรงงานคน ได้ ถึง 3 คน และ ทำงานได้ เร็วขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพมาก ผมคิดว่าบริษัทคนไทยที่เล็กน่าจะหันมามองทางออกคือร่วมลงทุน อย่างที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บัญญัติศัพท์คำว่า Corporate คือองค์กรธุรกิจที่มี การรวมทุนให้มากที่สุด เพื่อจะได้ สร้างโรงงงานที่ผลิตสินค้าให้มากๆ แล้วทำให้ต้นทุนต่ำ แล้วทำให้สามารถแข่งขันได้เพื่อการส่งออก ทำให้กำไรมากขึ้น
ถ้าเราหันมองเรื่องปัญหาใหญ่ของโลจิสติกส์ไทยคือ เรื่องการตลาดที่อ่อนหัดมาก ผมไปฟังทุกเวที และ ทุกประเภทธุรกิจ ต่างยอมรับว่าการตลาดเรา อ่อนหัดมาก และผมของการที่ เดิมประเทศไทยได้ ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ทางด้านอุตสาหกรรม มาก ทำให้ ชาวต่างเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานมาก และ ชาวต่างชาติเหล่านั้นก็จะเลือกใช้ บริษัทที่ให้บริการโลจิสติกส์ ที่เป็นชาติเดียวกับตน เพราะ นอกจาก การสื่อสาร แต่เนื่องจากบริษัทแม่ได้ใช้บริษัทโลจิสติกส์ที่อยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว แล้วเขาก็ลากกันมากทำในประเทศไทย บางโครงการรัฐบาลของประเทศเขาสนับสนุนเงินทุน ก็ระบุว่า วัตถุดิบ และ บริษัทที่ให้บริการโลจิสติกส์ ต้องเป็นชาติเดียวกัน
อีกปัญหาหนึ่งคือ คนไทยมีนิสัยเสียชอบขายสินค้าส่งออกในเงื่อนไข ราคา FOB หรือ EX WORK แล้วอย่างนี้บริษัทให้บริการโลจิสติกส์ จะได้มีโอกาสได้ งานหรือ เปล่า เพราะ เวลาท่านผู้ส่งออก ส่งออกไป ก็โดน จำกัด หรือบังคับให้ใช้บริษัทโลจิสติกส์ที่ผู้นำเข้าเป็นผู้เลือกแล้ว และ จ่ายเองที่ปลายทาง หรือ ค่าระวางเป็น จ่ายปลายทาง (FREIGHT COLLECT) อย่างนี้ พ.ร.บ. ก็ ช่วยไม่ได้ ผู้ส่งออกไทยควรหันมาขายในเงื่อนไข ราคา CIF หรือ CFRจะได้ ช่วยบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ได้
ผมขอบอกว่า งานนี้ต้องการช่วย บริษัทให้บริการ โลจิสติกส์ สัญชาติไทยโดยตรง ผมก็คิดว่า กรรมการที่ร่าง พ. ร .บ .นี้บางคนมีอคติกับบริษัทต่างชาติมากมีการร่างให้ทำโทษกับ คนที่เป็น ไทย ที่เป็น NOMINEE ว่ามีความผิดอย่างร้ายแรงเทียบเท่ากับการขายยาบ้า ผมมาคิดดู บริษัทโลจิกติกส์ ไทย ถ้าไม่คิดที่จะขยายตัวเอง หรือพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ก็เตรียมนับเวลาถอยหลังถึงวันล่มสลาย ทำไมบริษัท ร ส พ ซึ่ง เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ผูกขาดในอดีตถึง ได้ ปิดกิจการไป หลังจากการท่าเรือเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันในการขนสินค้าในท่าเรือ ?? ผมขอพูดอย่างเป็นกลางว่า บริษัทคนไทยต้องช่วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่ นู๋ อยากได้ อย่างเดียว ถ้าท่านมีกำลัง คนมีความสามารถ ท่านต้องไปเปิดบริษัทสาขาที่ต่างประเทศ แต่ ผมสำรวจของธนาคารโลกบอกว่า คนไทยอ่อนมาในการลงทุนไปต่างประเทศ ขาด ภาษาอังกฤษ ที่ดี ขาด ความกล้า เราต้องมามองและเราควรจะเริ่มสร้างคนที่กล้า ท่านทราบไม่ว่า ผมได้แสดงออกในเชิงขอร้อง และต่อว่าหน่วยราชการแห่งหนึ่ง ในความล่าช้า ในการแก้ปัญหาในนามสมาคมแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า ผมกลับถูกผู้ใหญ่ในสมาคมว่า ผมทำตัวไม่เหมาะสม คุณวิกรม เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ก็เคยพูดเหมือนผม ว่า คนไม่กล้าแสดงออก ก็ดูอย่างตัวผมเอง ผมแสดงออก ก็โดยผู้ใหญ่ในสมาคมต่อว่า ผมมานั่งคิดดูดีๆ
ผมว่าไม่ใช่คนไทยไม่กล้าแสดงออก แต่ ผู้ใหญ่ในประเทศรู้ปัญหา แต่ไม่กล้าจะเสนอวิธีแก้ กลัวตัวเองจะหมดความน่าเชื่อถือ และ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อหน่วยราชการ หมดบารมีในการติดต่อกับหน่วยราชการ เพราะเกรงว่า พอใครว่าตำหนิหน่วยราชการไหน หน่วยราชการนั้นก็จะงอน ถ้าคุณเป็นคนใหญ่คนโตในหน่วยราชการ ท่านต้องยอมรับว่า ท่านเป็นคนสาธารณะ ให้รับฟังข้อเสนอแนะ แต่ก็อีกละครับ ภาคเอกชนเวลาเสนออะไรก็ขอให้สุภาพ และ สร้างสรรค์ ไม่ใช่พูดไป ถุยน้ำลาย มันถือว่าทำเกินไป
ไม่ว่าดี หรือ ไม่ดี ก็ นำมาวิเคราะห์ ดูว่า เพราะ เหตุใด บางทีเราก็ต้องมีจุดยืนในความถูกต้องบ้าง การรับความคิดเห็นของลูกน้อง หรือ จากภาคเอกชน บ้าง ก็ เหมือนกระจกส่องเงาเรา ถ้าเราคิดว่า ข้อเสนอแนะนั้นผิด เราก็สามารถ
ประชาสัมพันธ์ แก้ข้อกล่าวหา แต่ ถ้าดี เราก็จะได้ นำมาปรับปรุง
ถ้าเอกชนตาย ไม่มีเงินภาษีส่งจ่ายให้รัฐ ข้าราชการก็ไม่มีเงินเดือน ต่างฝ่ายต่างต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หยก แสงตะวัน