มีหลายคนเมื่อทำงานไปได้ช่วงระยะหนึ่งของชีวิตในวัยทำงาน แล้วเก็บเกี่ยวประสบการณ์ รวมกับความสามารถที่ตนเองมี จึงได้รับความไว้วางใจจาก เจ้าของหรือผู้บริหารให้เลื่อนตำแหน่ง มาเป็นผู้จัดการ ช่วงแรกของการได้รับหัวโขนใบนี้ รู้สึกใจมันพองโตจนแทบจะทะลุหน้าอก แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกถึงแรงเสียดทานรอบๆตัว ยิ่งหากบางคนที่อยู่ในองค์กรดั้งเดิมหรือยังบริหารแบบธุรกิจครอบครัวยิ่งจะเข้าใจถึงแรงเสียดทานนี้ดี แรงเสียดทานที่ว่า ได้แก่ ความคิดของพนักงานหัวเก่าๆที่ทำงานมานมนาน,การต่อต้านทางความคิดกับพนักงานระดับหัวหน้างานที่อยู่ๆเราก็กระโดดข้ามหัว มาเป็นผู้จัดการเขา เป็นต้น การเป็นผู้จัดการเหมือนกับเราเป็นแม่ทัพนายกองที่มีอำนาจอยู่ในมือ จะสั่งเชือดใครคงไม่ใช่เรื่องยาก อำนาจที่ได้รับนี้มันทำให้หลายคนหลงระเริง จนลืมไปว่าสิ่งที่เหนือกว่าอำนาจที่ได้รับและเป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้จัดการทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จ นั้นก็คือบารมี แล้วเราจะสร้างบารมีนี้ได้อย่างไร? บารมีเกิดจากที่คนอื่นเคารพและยอมรับนับถือไว้เนื้อเชื่อใจและพร้อมที่จะทำตามด้วยความเต็มใจและยินดี บางคนอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ผู้นำที่ดี บารมีเกิด” แต่การเป็นผู้นำที่ดีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ! บางคนโชคดีมีพรสวรรค์การเป็นผู้นำตั้งแต่เกิด คือมีความกล้าหาญ,เด็ดเดี่ยว,อดทนอดกลั้น และมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น แต่หากใครไม่มีโชคเรื่องนี้ก็ใช้พรแสวงสิครับ เรื่องพวกนี้สามารถพัฒนาได้ อาจจะด้วยการฝึกอบรมหรือการฝึกตัวเองมองตัวเองบ่อยๆ คงไม่ยากเกินไปสำหรับผู้จัดการใช่มั๊ยครับที่จะฝึกเป็นผู้นำ? ผู้นำและผู้จัดการจึงเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่ควบคู่กัน การที่เราทำงานเป็นผู้จัดการส่วนหนึ่งของงานคือการวางแผน การควบคุมและการจัดการ แต่งานทั้งหมดจะไม่ราบรื่นหากเราไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ เพราะการใช้เทคนิคในการชักจูงใจให้ผู้อื่นทำตาม เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้นำ บางคนเป็นผู้จัดการที่ดีแต่ใม่ใช่ผู้นำที่ดี บางคนเป็นผู้นำที่ดีแต่ไม่ใช่ผู้จัดการที่ดี แต่ผู้จัดการที่ดีควรเป็นผู้นำที่ดี
ธนอรรถย์ สาระจันทร์