Update เรื่องศุลกากรในปีใหม่นี้
ผมได้ เข้าอบรมหลักสูตรผู้ชำนาญการศุลกากร ต่ออายุใบรับรองตัวแทนออกของรับอนุญาต ประจำปี 2555 ครั้งที่ 3/2555 ระหว่างวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ห้องประชุมชั้น 15 อาคาร 120 ปี กรมศุลกากร วันแรก ได้ รับการอบรมจากท่านอาจารย์ ชลิดา พันธุ์กระวี ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้บรรยายให้ทราบว่า กรมศุลกากร จะมีการปรับปรุงโครงสร้างใบขนสินค้าขาเข้า และ ส่งออก ซึ่งแผนการดำเนินงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับการศุลกากรมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ในประเภทเอกสาร 1. ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออกใหม่ 2. ข้อมูลการอนุญาตให้นำของเข้าคลังสินค้าทัณฑ์บน/เขตปลอดอากร/เขตประกอบการเสรี 3. ข้อมูลสูตรการผลิต 4. ข้อมูล การขอคืนอากร ตามมาตรา 19 ทวี 5. ข้อมูลรายงานการเคลื่อนไหวของสินค้าของสินค้า 6. ข้อมูลรายงานยืนยันการโอนย้ายสินค้า ข้อ1 ถึง ข้อ 4 เริ่มใช้งานวันที่ 1 เมษายน 2555 ส่วนที่เหลือเริ่มใช้ พฤษภาคม 2555
ขอขยายความว่า การปรับปรุงโครงสร้างใบขนสินค้าในโครงการ e-Tax Incentives มีวัตถุประสงค์อันแรกคือ เพื่อรองรับการเชื่อมโยงกับกรมสรรพากร ที่ผ่านมาอธิบดีมาจากคนในกรมศุลกากร เมื่อปีที่แล้ว อธิบดีมาจากกรมสรรพากร เลยทำให้มีเปลี่ยนแนวการทำงานไปในทางเดียวกับกรมสรรพากร คือ คิดอะไรให้คิดที่ภาพรวม ไม่ใช่มานั่งไล่จับเหมือนในอดีต มีการจับบริษัทใหญ่ และ มีการใช้ข้อมูลสถิติ ทั้งข้อมูลทาง ระบบสาระสนเทศ internet มาประกอบ เดิมมีการนับตรวจแบบโดยตรง เดี๋ยวนี้ กรมศุลกากรมาใช้แนวทางตรวจโดยระบบตรวจสอบ (audit) ถ้าระบบนี้เกิด สมัยนี้มันหมดยุคที่ข้าราชการต้องมานั่งนับสินค้าในคลังสินค้าที่ทั้งร้อนทั้งสกปรก ท่านสามารถหาข้อมูลจาก คอมพิวเตอร์ที่ทุกอย่างที่ท่านต้องการ ท่านสามารถตรวจสอบจากระบบบัญชี การเสียภาษีสรรพากร การเสียภาษีศุลกากร การออกใบกำกับสินค้า ใบขนสินค้า เพื่อติดตาม (Tracking) รายการการค้าการขายได้อย่างง่ายดายมาก เอารายการกระทบยอดกัน ท่านไม่พอใจก็เรียกให้บริษัทเอกชนที่ขายโปรแกรมสำเร็จรูปทำรายงาน (Report) ที่ท่านต้องการ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถประมวญผลตามที่ท่านต้องการ จะเป็นรูปกราฟแท่ง หรือวงกลม เล่นสีสัน ก็ย่อมได้
เรื่องแรกที่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าต้องรีบไปกรมศุลกากรทันทีคือ เรื่องต้องไปเปลี่ยนหมายประจำตัวของบริษัทท่าน และ สาขาที่อยู่ของบริษัทผู้ส่งออกและนำเข้าให้ตรงกับที่กรมสรรพากรออให้ตามบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของสรรพากร และอย่าลืมไปแก้ไขสาขาที่อยู่ของ่ตัวแทนออกของที่กรมสรรพากรออกให้ตามบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของกรมสรรพากร มิฉะนั้น ตัวแทนออกของของท่านผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ก็จะไม่สามารถดำเนินพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะความไม่สอดคล้องกัน อย่าลืมด้วยในกรณีที่ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้า มี ตัวแทนออกของ 2-3 บริษัทก็อย่าลืมแก้ไขให้หมดทุกเจ้าด้วย เพื่อเป็นการรองรับการเชื่อมโยงกับกรมสรรพากร มีการเพิ่มหัวข้ออื่นๆ เพื่อให้ ครบและรองรับมาตรฐานอื่น ๆ เช่น AEO เป็นต้น แล้วส่วนที่ใส่ลงในหมายเหตุ ก็จะมีช่องให้เติม หรือ ลงได้อย่างถูกต้อง เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ในระบบใหม่ ก็จะมีการให้ยื่นสูตรการผลิตตามใจชอบ ของผู้ส่งออกและผู้นำเข้า โดยอ้างอิงที่ เลขพิกัดสินค้าเป็นตัวหลัก ไม่ต้องมาเขียนสูตรให้วุ่นวาย ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่รับรอง ยื่นสูตรได้ ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ งานนี้ผู้ส่งออกมีการบ้านคิดสูตรการผลิตแบบใหม่เอง รับผิดชอบเอง ต้องเรียงลำดับให้ถูกต้องผู้นำเข้า ผู้ผลิต และท่านผู้ส่งออก เป็นสูตรเดียวกัน ให้ครบ ใช้กี่ส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ เอาให้แน่ๆ ไม่พอใจก็สร้างสูตรของท่านหลาย ๆ Version ตามที่ท่านต้องการ ตามใจชอบ สุดท้ายตัดให้ลงตัวด้วย ต่อไปก็ยังมีการทำระบบ e-document ซึ่งจะเป็นระบบที่ต่อไปนี้ เอกสารทุกอย่างของผู้นำเข้าและผู้ส่งออก จะถูก scan หรือ ถ่ายสำเนาโดยระบบอิเล็กโทนิค เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ยื่นหรือรับเก็บเอกสาร ทุกอย่างจะถูกจัดเก็บ เป็นระบบ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรก็เรียกเอกสารทุกอย่างท่านเพียงคลิกเดียว ฟังดีแล้วน่าตื่นเต้นไม๊ครับ
สรุปงานนี้ ท่านผู้ส่งออก หรือ ตัวแทนออกของต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการ update โปรแกรม คอมพิวเตอร์ให้บริษัทSOFTWARE ส่งข้อมูล paperless ผ่านพิธีการศุลกากร และเรียนรู้โปรแกรมใหม่ใด้ดี ตามด้วยเรื่องใหม่อีกเรื่องจาก อาจารย์ กิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ สำนักพิกัดอัตราศูลกากร ได้บรรยาย เรื่องพิกัดสินค้าศุลกากรก็จะเปลี่ยนเป็น versionใหม่ เป็นปี 2012 แล้ว นะครับ หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า อนุสัญญาว่า ด้วยพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized System: HS) ในกลุ่มผู้ชำนาญการเรา จะเรียกสินค้า เป็น HS code มีหลักการสำคัญประการหนึ่งคือ ระบบพิกัดฯต้องทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี่ และรูปแบบของการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งตอบสนองกับวัตถุประสงค์การใช้งานที่หลากหลาย อนุสัญญาฯจึงกำหนดให้คณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์ขององค์การศุลการโลก (WCO) ทำหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขและทบทวนโครงสร้างเพื่อให้ระบบพิกัดฯตรงกับความต้องการของผู้ใช้ สอดคร้องกับรูปการค้า เทคโนโลยี่การผลิต และทิศทางการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเพื่อตอบสนองกับข้อเรียกร้องหรือเหตุผลด้านความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อม/สังคมและความมั่นคง นอกจากนั้น WCO ยังใช้โอกาสนี้ปรับปรุงรายละเอียดถ้อยคำที่ใช้ในพิกัดที่อาจมีความคลุมเครือให้เกิดความชัดเจน รวมไปถึงการแก้ไขศัพท์ต่างๆ ที่ใช้ให้สอดคล้องกับชื่อที่ใช้เรียกทางการค้าในปัจจุบัน
ตัวอย่างของวิวัฒนาการของสินค้าที่เห็นได้ชัดเจนคือความต้องการกำนหดประเภทย่ยอสินค้า “แบบอนาลอก” ใน HS ยุคแรก แต่ปัจจุบันสินค้าอนาลอกเกือบทั้งหมดหายไปจากตลาดการค้าและเปลี่ยนไปสู่ระบบที่เป็น “ดิจิตอล” ปัจจุบัน WCO กำหนดให้มีการปรับปรุงแก้ไข HS เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งจะมีผลนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 (ค.ศ. 2012) เรียกกันทั่วไปว่า HS 2012 ประกอบด้วยการแก้ไข HS จำนวน 225กลุ่มรายการ ในกลุ่มสมาชิกอาเซียนเราได้ จำแนกประเภทสินค้าเพิ่มและแก้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านอัตราอากรและการค้าของสมาชิกอาเซียน ซี่งเรียกว่า พิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียน (ASEN HARMONISED TARIFF NOMENCIATURE: AHTN) โดย ใช้ พิกัดHS ขององค์การศุลกากรโลก และ เพิ่มหลักที่ 7 และ 8 เข้าไปรองรับรายการสินค้าตามความต้องการในกลุ่มอาเซียน เรียกว่า ประเภทย่อยอาเซียน บางตัวก็ถูกตัด บางตัวก็เพิ่มบางตัวก็ถูกย้ายกลุ่ม ยังมีทีเด็ดอีกคือ ตามประกาศกรมศุลกากรที่ 67/2552 เรื่องการให้บริการวินิจฉัยราคาศุลกากรล่วงหน้า คือ ท่านผู้ส่งออก ที่นำเข้าวัตถุดิบ ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องมาเสี่ยงกับการทำงานที่ผิดพลาดของตัวแทนออกของ หรือการวินิจฉัย ของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร แบบเอาตัวรอด
ต่อไปนี้มีวิธีการทำคำร้องล่วงหน้า เป็นหลักฐาน เอามาอ้างได้ ถ้าเจ้าหน้าศุลกากรนายตรวจมาจับ ลดปัญหาโต้แย้งเรื่องภาษีที่คำนวณผิดเป็นช่องให้เจ้าหน้าหาเรื่อง เรียกเงินสินบน และลดทั้งค่าใช้จ่ายและอุปสรรคในการทำงาน การยื่นคำร้องทางกรมศุลกากรต้องตอบภายใน 30 วัน ในกรณีที่ท่านมีเอกสารพร้อมมีการซื้อขายจริงในการยื่น แต่ถ้าท่านไม่เคยนำเข้า ก็ยื่นและเช็คได้เหมือน แต่ ต้อง รอรับคำตอบ 60 วัน อีกเรื่องใหม่คือในกรณีที่ใบรับรองถิ่นกำเนิดมีปัญหา เรื่องเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กน้อย เช่นที่อยู่ และ พิกัดสินค้าไม่ตรงกับกรมศุลกากรไทย ท่านผู้ส่งออกขอให้อ้างคำสั่งซึ่งออกคู่กับ ประกาศกรมศุลกากร ที่ 3/2555 จะเป็นยันต์กันให้ผ่อนผันได้ เป็นคำสั่งภายในของกรมศุลกากรที่ช่วยเหลือในการผ่อนผันเกี่ยวกับปัญหา ที่ไม่ผิดร้ายแรงทำให้ท่านสามารถนำเข้าวัตถุดิบได้รวดเร็วและสงวนสิทธิท่านได้ ท่านผู้ส่งออกจะได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางด้านลดภาษีอย่างเต็มที่ในวัตถุดิบที่ท่านนำเข้า เรื่องสุดท้าย สำคัญมากสำหรับผู้ส่งออก ถ้าผู้ส่งออกส่งสินค้าไปหลายประเทศแล้ว แต่ละกรมศุลกากรแต่ละประเทศตีความสินค้าของท่านต่างกัน ไม่เหมือนกัน เป็นผลให้การส่งออกของท่านเกิดการเสียเปรียบทางด้านการค้า ท่านสามารถร้องผ่านสำนักพิกัดอัตราศุลกากรแล้วให้ทาง องค์การศุลกากรโลก (WCO) ตีความ แล้วอธิบายเพื่อแก้ปัญหา ให้ เป็นออกคำวินิจฉัยพิกัดสินค้าของท่านเป็นพิกัดสินค้าเดียวกันทั่วโลกได้ อันนี้ก็เป็นตัวช่วยท่าน ถ้าเป็นพิกัดเดียวลูกค้าของท่านก็จะเสียภาษีในอัตราที่ น้อยลง ทำให้ท่านก็จะส่งออกได้มากขึ้น ขอให้ท่านไปศึกษาเพิ่มเติมที่ www.customs.go.th
หยก แสงตะวัน