มองดูความกว้าหน้าของประเทศ ไต้หวัน และเกาหลีใต้
เมื่อสัปดาห์ ที่แล้ว ผมได้ไปเยี่ยมประเทศไต้หวัน บางคนอาจจะไม่รู้ว่า ประเทศจีนถูกแบ่งเป็นสองประเทศ ด้วยระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยคือ ประเทศจีนที่เกาะไต้หวัน หรือบางคนเรียกจีนเสรี และ ระบอบสังคมนิยม หรือบางคนเรียกจีนแดง หรือจีนแผ่นดินใหญ่ ผมขอเล่าเรื่องความเป็นมาของประเทศจีนไต้หวันให้รับทราบว่า ประเทศนี้มีครั้งหนึ่งเคยเป็นอาณานิคมของประเทศญี่ปุ่น คนพื้นเมืองของประเทศไต้หวันจริง เป็นชนเผ่าเดียวกับคนอินเดียนแดงจากประเทศแถบอเมริกาใต้ เนื่องจากมีการอพยพชาวจีน และ ชาวญี่ปุ่นเข้ามาในเกาะไต้หวัน หรือบางคนเรียกว่า เกาะฟอมอซ่านี้
จนปัจจุบันมีประชากรที่เป็นคนเชื้อสาย จีนเป็นจำนวนมาก เขาเล่าว่า เมื่อประมาณก่อนสงครามโลกครั้งที่สองท่านผู้นำ ดร. ซุนยัด เซ็น ได้ล้มอำนาจระบบจักรพรรดิในประเทศจีนมาเป็นระบบประชาธิปไตย ซึ่งตอนนั้นประเทศจีนก็อยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนอำนาจ ข้าราชการส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนของจักรพรรดิที่ยังหลงอำนาจอยู่ มีการขัดแย้งในประเทศอย่างมาก ประจวบเหมาะกับเกิดการเอาเปรียบทางสังคมอย่างรุนแรง ระบบสังคมนิยมจึงได้รับการยอมรับในประเทศจีน ตอนแรกคณะผู้นำฝ่ายสังคมนิยมไม่คอยมีอาวุธ พอตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายจักรวรรดินิยมประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาบุกรุกประเทศจีน
ตอนนั้น ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้อาวุธกับคณะผู้นำฝ่ายสังคมนิยม เพื่อต่อสู้กับจักรวรรดินิยมประเทศญี่ปุ่น หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด คณะผู้นำฝ่ายซ้าย หรือฝ่ายสังคมนิยมโดยการนำของผู้นำชื่อ ท่านผู้นำ เหมาเจ๋อตุงได้สะสมกำลัง และปลุกระดมประชากรชาวนา และคนชั้นกรรมกรให้ต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลในสมัยนั้นของ ดร. ซุนยัด เซ็นซึ่งยืดมั่นในระบอบการปกครองประชาธิปไตย จนฝ่าย ดร. ซุนยัด เซ็น ต้องพ่าย และได้นำวัตถุโบราณเป็นแสนชิ้นไปที่เกาะไต้หวันจนทุกวันนี้ เรียกได้ว่า ถ้าจะดูมรดกของจีนที่เป็นของชิ้นเล็ก เช่น กำไรหยก เครื่องประดับของจักรพรรดิ ต้องดูที่ประเทศไต้หวัน ถ้าจะดูมรดกของจีนที่เป็นของชิ้นใหญ่ต้องดูที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น ราชวัง
ดร. ซุนยัด เซ็น มีกองทัพทหารเรือที่ดีที่สุดในประเทศจีนคอยปกป้อง กองทัพของจีนแดงไม่มีความชำนาญการรบทางน้ำ จึงทำให้กองทัพจีนแดงไม่สามารถจะเอาชนะได้ วันเวลาได้ผ่านไปหลายสิบปี ผู้คนชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่เกาะไต้หวันเกิดความคิดถึงบ้าน และประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เปิดประเทศตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจแบบแมว 9 ชีวิต ของท่านผู้นำเต็งเสี่ยวผิน ทำให้ความสัมพันธ์ของจีนทั้งสองฝ่ายดีขึ้นมาจนทุกวันนี้ ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่กับประเทศจีนไต้หวันติดต่อกันได้อย่างเสรีไม่ ว่าทางทะเล หรือทางอากาศ เป็นผลให้เกาะฮ่องกงต้องสูญความสำคัญลงไป เดิมทีการทำการค้าต้องผ่านเกาะฮ่องกงซึ่งอยู่ในการปกครองของประเทศ สหรัฐราชอาณาจักรอังกฤษเมื่อหลายสิบปีก่อน ทุกวันนี้คนชาวเกาะฮ่องกงมีปัญหาด้านการค้าที่นับวันที่ยากขึ้นทุก วัน หรือแทบจะหมดความสำคัญลง ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้น รายได้ก็ลดลง
มาพูดถึงประเทศไต้หวัน ผมได้ถามคนไต้หวันว่า ทำไมประเทศ เขาไม่มีน้ำท่วม ผมมาที่ประเทศนี้ จะต้องระวังการโจมตีจากประเทศจีนแดง เขาจึงต้องสร้างอุโมงค์ยักษ์สองขั้นชั้นต่ำสุดเป็นอุโมงค์ของระบาย น้ำที่ใหญ่ขนาดรถโดยสารประจำทางวิ่งสวนได้สองคัน และอีกชั้นไว้สำหรับให้คนใช้หลบภัย และเดินทางโดยรถไฟฟ้า อันนี้เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งก็ต้องป้องกันการโจมตีของเกาหลีเหนือ ผมยังสังเกตว่า ริมแม่น้ำจะมีที่ว่างปลูกสนามหญ้า และที่จอดรถจะไม่ให้อาคารติดริมแม่น้ำ การเดินทางโดยทางรถประจำทางจะเร็วกว่าการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว คนไต้หวันจะนิยมนั้นรถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้ามาก เมื่อยี่สิบปีก่อนผมจะเห็นรถมอเตอร์ใซด์เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันน้อยลงหลังมีการบริหารการขนส่งมวลชนอย่างมีประสิทธิ์ภาพ อันนี้ต้องให้ความนำระบบโลจิสติกส์ของประเทศเขาว่าดีมากๆ
มาดูสินค้าบ้าง เขาก็มีสินค้า otop (one town one product) สินค้าราคาแพงแต่การบรรจุหีบห่อของเขา สวยมาก ห้ามไม่ให้ถ่ายรูปถ้าไม่ซื้อไป ผมได้ถ่ายรูปขวดน้ำผึ้งให้ท่านดูว่าสวยอย่างไร อันนี้ผู้ส่งออกต้องให้ความสำคัญเรื่องการบรรจุหีบห่อมาก ผมได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑสถานของประเทศจีนไต้หวัน ต้องบอกว่ามีการจัดระบบการเดินดูได้ดีมาก มีการจัดเป็นกลุ่มๆ มีการให้ไมค์พูดสำหรับไกด์ และมีระบบหูฟังแบบไร้สาย ซึ่งลูกทัวร์ที่เดินตามหัวหน้าไกด์ก็จะได้ยินเสียงหัวหน้าไกด์ โดยที่หัวหน้าไกด์แต่ละคนไม่ต้องตะโกนเสียงดัง อันนี้เขาเรียกว่าไฮเทค มีห้องน้ำที่สะอาดมาก ห้องน้ำของเขาจะมีกระดาษเช็ดทุกที ถนนที่ขึ้นเขาข้างกำแพงถนนเขาจะเอาท่อน้ำกว้างประมาณ 3 นิ้วปัก ไว้ เขาบอกว่าเขาแทงเข้าไปที่หินเป็นเมตร เพื่อให้ดินที่อุ้มน้ำไว้จะได้มีทางให้น้ำไหลออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ดินทลายมากีดขวางถนน ระหว่างทางเจอคนจับเอาผ้าชิ้นหนึ่งมาขายราคาประมาณหนึ่งร้อยบาท ผ้าชิ้นนี้ทำหน้าที่ได้ 3 อย่าง อย่างแรกคือเป็นเสื้อคุม หมุนไปมา เป็นหมวก หมุนไปมากายเป็นกระโปรงสั้น อันนี้เป็นความคิดสรรค์ที่ดีมาก เขาขายหมดภายในครึ่งชั่วโมง ท่านผู้ส่งออกต้องคิดสินค้าแบบนี้จะขายดีครับ
มาที่สนามบิน ไต้หวันผมได้เห็นว่าที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ของเขาจะมีแว่นตาสีแดงวาง ไว้ที่หน้าเคาร์เตอร์สามอัน เขาบอกว่าเตรียมไว้สำหรับคนสูงอายุไว้ใช้ดูเวลาเขียนเอกสารเดิน ทางออกนอกประเทศ อันนี้เขาเข้าถึงคนสูงอายุมาที่ประเทศเกาหลี เขาจะมีรถบัสปรับอากาศอย่างดี ที่ด้านข้างมีราวไว้วางกระเป๋าเดินทางมีการแจ้งสถานที่เดินทาง เตือนให้รัดเข็มขัด และเตือนให้เตรียมพร้อมเวลาก่อนถึงสนามบินสัก 15 นาที ที่สนามบินอิงชอนราคาค่าโดยสารประมาณ 450 บาท ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร จากหน้าโรงแรมถึงที่ผมพัก เขาบอกว่าทางรถไฟใต้ดินถูกว่านี้อีก
ในสนามบินอิงชอน ผมได้เจอตู้โฆษณามีช่องให้ชาร์ตแบตเตอรี่มือถือฟรี อันนี้ดีมากสำหรับผู้โดยสารที่มาสนามบิน และสร้าง CSR ด้วย ยังมีร้านสะดวกซื้อซึ่งซื้อของได้ราคาถูกด้วย ยังมีเคาร์เตอร์สำหรับอาสาสมัครที่พูดภาษาต่างประเทศได้มาคอยนำแนะ ผู้โดยสาร อันนี้น่าชื่นชมมาก บ้านเราน่าจะมีนะ ผมสังเกตว่า หลายประเทศเขาจะตรวจกระเป๋าเดินทางก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจคน เข้าเมืองตีตราตรวจเอกสาร แต่บ้านเราจะต้องผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก่อนที่จะผ่านไปที่ ตรวจกระเป๋าสัมภาระ ทำให้เกิดภาพที่ไม่ดีกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่าทำงานล่าช้า อันนี้ต้องปรับปรุงครับ โดยเฉพาะท่านผู้ส่งออกที่ต้องเดินทางตอนเช้า ขอบอกว่าท่านต้องไปสนามบินไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง มิฉะนั้นท่านขึ้นเครื่องบินไม่ทันแน่นอน ซึ่งผมก็ได้ยินข่าวจากวิทยุเมื่อเช้านี้เหมือนกันในปัญหาเรื่องนี้ ถ้ามีความล่าช้าในการตรวจนี้จะทำให้ ร้านค้าปลอดภาษีก็จะเสียโอกาสในการค้าขายที่สนามบินได้ ที่เสียหายมากกว่านั้น สายการบินหลายสายอาจะยกเลิกให้บริการขนส่งผู้โดยสารในอนาคต ถ้าจำเป็นก็ไปเน้นที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนออกเมืองให้มากหน่อย หรือไม่อย่างนั้นก็เปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่มากขึ้นก็ได้ เพราะสายการบินจะได้สามารถบินออกตามตารางการบินได้ วันหนึ่งค่าใช้จ่ายเช่าเหมาลำวันละเป็นแสนบาทเป็นล้านบาทนะครับ ก็ฝากให้ดูผลประโยชน์ประเทศชาติในส่วนนี้ด้วย
คนขับรถ แท็กซี่ที่ประเทศเกาหลีใต้จะแต่งตัวเรียบร้อยมาก บางคนผูกเนตไท มีมิเตอร์ยังมีเครื่องนำทาง navigator ไว้หน้ารถ ยังมีเครื่องอ่านบัตรเครดิต คนเกาหลีบอกว่า เขาจะไม่พกเงินสดออกจากบ้านเลย แทบ 90 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรจะถือบัตรเครดิต ร้านอาหารก็จะให้เซ็นลงลายมือถือบนแท่นอีเล็กโทนิคซิกเนเจอร์ เวลาขึ้นลิฟต์โดยสารตามอาคารจะต้องกดชั้นก่อนที่จะเข้าลิฟต์โดยสาร ทุกครั้ง ที่จอดรถก็จะแบบลิฟต์เก็บรถยนต์จอด ผมได้ถ่ายรูปสถานีเติมน้ำมันให้ดู หัวจ่ายน้ำมันจะลอยอยู่บนศีรษะเรา ส่วนมิเตอร์ก็อยู่บนหลังคา ไม่เสียเนื้อที่สำหรับวางหัวจ่ายน้ำมัน เรียกว่าใช้เนื้อที่คุ้มจริงๆ และป้องกันรถทิ่เติมน้ำมันจะวิ่งชนหัวจ่ายจนเกิดอุบัติเหตุเหมือน บ้านเรา เวลาไปร้านอาหารต้องถามให้ดีว่าไม่เอาเนื้อสุนัข คนเกาหลีบอกว่า เนื้อสุนัขเป็นอาหารที่ดีที่สุด และแพงที่สุด และอร่อยที่สุดในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ก็ฝากให้ระวังด้วย
ผมอยู่ประเทศเกาหลีอากาศหนาวมากถึงติด ลบสององศา ต้องใส่เสื้อสามชั้น ผมยืนอยู่บริเวณใกล้มหาวิทยาลัยฮ่องอี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเหมือนมหาวิทยาศิลปกรบ้านเรา ย่านนี้เขาบอกว่า สินค้าถูกมาก โดยเฉพาะเครื่องสำอาง เขาบอกกันว่า ถ้าบ้านเราขายหนึ่งพันบาท แต่บ้านเขาขายยี่ห้อเกาหลี แค่สองร้อยบาท แทบทุกร้านจะมีคนพูดภาษาจีนมากกว่าคนพูดภาษาอังกฤษ ตามร้านค้าท้องถนน เพราะเขาบอกว่า มีคนจีนมาซื้อของมากที่สุด และตัวอักษรภาษาจีนคนเกาหลีจะอ่านออกด้วย แต่ออกเสียงไม่เหมือนกัน
มีอีกเรื่องผู้ส่งออกต้องระวังคือ อย่านำมือถือที่มีซิม 2G ไปใช้ที่ ประเทศเกาหลีเด็ดขาด เพราะมันใช้งานไม่ได้ ตอนนี้ประเทศเกาหลียกเลิกระบบ 2G แล้ว เขาใช้ 3G แล้วทั้ง ประเทศ แต่ประเทศจีนไต้หวันยังพอใช้งานระบบ 2G ได้ อีกอย่างถุงพลาสติกที่ร้านสะดวกซื้อ ท่านต้องจ่ายเงินด้วย เขาไม่ให้ถุงพลาสติกฟรีเหมือนบ้านเรานะครับ
ประเทศจีนไต้หวัน และประเทศเกาหลีใต้ท่านหาซื้อของลอกเลียนแบบไม่ได้นะครับ ผมได้ข่าวมาตอนนี้ประเทศจีนแดงได้มีการเปลี่ยนผู้นำ มาเป็นท่านผู้นำ สี่จิ้นผิน เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศจีนยุคใหม่ ซึ่งท่านนี้ในอดีตเคยมีเรื่องไม่ลงรอยกับ ผู้นำที่ปกครองมณฑลหนานนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง 中国广西壮族自治区南宁 มีรายการ ล้างแค้นเกิดขึ้นอย่างที่หนังจีน บอกว่า แค้นนี้ต้องชำระ 10 ปีก็ไม่สาย ผมได้ข่าวว่าจากคนไต้หวันว่า ตอนนี้ทางผู้นำสี่จิ้นผินได้ส่ง หัวหน้านายตำรวจผู้ใหญ่มือปราบคนใหม่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ดูแล และทำการตรวจสอบสวนในมณฑลดังกล่าว เรื่องทุจริต หรือเรื่องไม่โปร่งใสของผู้นำที่ปกครองมณฑลนี้อยู่ ซึ่งทำให้ข้าราชการไม่ว่า ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรที่ทำงานอยู่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง จึงมีผลให้สินค้าที่ผ่านแดนในสาย R12 ระหว่าง ประเทศเวียดนาม และมณฑลหนานนิง ประเทศจีนมามีปัญหาเรื่องการทำพิธีการศุลกากรออกของ ได้ข่าวว่ารถบรรทุกที่ขนสินค้าของแช่แข็งที่จากประเทศไทยและประเทศ เวียดนามต้องถูกยืดที่ชายแดนระหว่างประเทศเวียดนาม และประเทศจีนไม่ต่ำกว่าสามเดือนเป็นจำนวน 300 คันแล้ว ก็ฝากให้ผู้ส่งออกที่คิดจะส่งสินค้าไปมณฑลนี้ขอให้ระมัดระวัง เพราะท่านอาจจะต้องรับภาระค่าเช่ารถ หรือตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นระบบห้องเย็น สูงมาก ถ้าเป็นของสด มีหวังสินค้าท่านเน่าเสียแน่นอน ที่ด่าน งานนี้สร้างความเสียหายให้เจ้าของรถบรรทุก และเจ้าของสินค้าส่งออกมหาศาล ใครบอกว่าการเมืองไม่เกี่ยวกับการค้า ขอบอกว่าคิดผิด
สุดท้ายหน้า ขอสวัสดีปีใหม่ไทย ขอให้ท่านผู้ส่งออก รวยๆ
หยก แสงตะวัน